Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

ตั้งชื่อแบรนด์ 10 เคล็ดลับให้เฮง » ยอดขายปัง ใครเห็นก็จำได้ !

ตั้งชื่อแบรนด์ 10 เคล็ดลับให้เฮง » ยอดขายปัง ใครเห็นก็จำได้ !

ตั้งชื่อแบรนด์ เป็นจุดเริ่มต้น และเป็นเรื่องสำคัญในการทำธุรกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในเคล็ดลับสำคัญที่หลายคนมักมองข้าม โดยชื่อแบรนด์ที่ดี จะช่วยทำให้ธุรกิจของคุณนั้นดูแตกต่างและโดดเด่นจากคู่แข่ง รวมไปถึงยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ และตัวตนที่ดีได้อีกด้วย อีกทั้งยังเป็นส่วนที่กลุ่มเป้าหมายจะได้เห็นเป็นลำดับแรก ๆ มีผลโดยตรงกับการรับรู้ การจดจำสินค้า ความเป็นมืออาชีพในธุรกิจ ส่งผลให้มีการกลับมาซื้อหรือใช้บริการซ้ำอีกครั้ง เพราะฉะนั้น หากเราเริ่มต้นกิจการโดยเลือกใช้ชื่อแบรนด์ที่ดี จะมีชัยไปกว่าครึ่งเลยล่ะค่ะ

1. ตั้งชื่อแบรนด์ ให้อ่านง่าย

ชื่อแบรนด์ที่ดีควรเป็นชื่อที่เรียบง่าย สะกดง่าย เลือกใช้ตัวอักษรที่ไม่อ่านยากจนเกินไป ควรเป็นคำที่ไม่ว่าใครก็สามารถอ่านออกเสียงได้ ไม่สร้างความสับสนให้กับลูกค้า เพราะจะทำให้ลูกค้ารู้สึกเข้าถึงได้ และช่วยให้กลุ่มเป้าหมายสามารถจดจำแบรนด์สินค้าของเราได้ง่ายขึ้น เช่น

  • Pepsi
  • Snickers
  • Lay’s

2. ควรเป็นชื่อที่สั้น จำง่าย หลีกเลี่ยงการใช้อักษรย่อ

การตั้งชื่อแบรนด์ควรมีความสั้น กระชับ ง่ายต่อการจดจำของผู้คน ควรมีความยาวประมาณ 1 – 3 พยางค์ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แบรนด์ชั้นนำก็มักจะใช้ชื่อที่ไม่ยาวมากจนเกินไป เช่น

  • Gucci
  • Nike
  • Adidas
  • Chanel

ในส่วนของการตั้งชื่อแบรนด์โดยใช้ชื่อย่อนั้น อาจทำให้ง่ายต่อการโฆษณา และการสื่อสารที่ง่ายขึ้นก็จริง แต่ในกรณีที่แบรนด์เพิ่งเริ่มต้น การใช้ชื่อย่อจะทำให้ลูกค้าไม่ทราบว่าคุณกำลังขายสินค้าเกี่ยวกับอะไร อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะไปซ้ำกับชื่อแบรนด์อื่นได้ง่าย และไม่เป็นที่จดจำ ตัวอย่างเช่น

  • แบรนด์ FS กับ แบรนด์ Flower Soap ซึ่งจะเห็นได้ว่าชื่อแบรนด์ที่มีการเขียนแบบเต็มนั้น ออกเสียงง่าย สามารถรู้ได้ว่าแบรนด์นี้ขายอะไร และสามารถจดจำได้ง่ายกว่า

3. ตั้งชื่อแบรนด์ ให้เป็นมงคล ถูกหลักเลขศาสตร์

ตั้งชื่อแบรนด์ให้เป็นมงคล โดยชื่อที่เป็นมงคลจะมีการวิเคราะห์ผ่านหลักเลขศาสตร์ จะมีการนำเอาอักษร สระ วรรณยุกต์ต่าง ๆ ในภาษาไทย และตัวอักษรภาษาอังกฤษมาถอดเป็นตัวเลข 9 ตัว ซึ่งผลรวมของเลขควรอยู่ในกลุ่มเลขศาสตร์ที่เป็นมงคล และส่งผลดีต่อธุรกิจมาใช้ในการตั้งชื่อแบรนด์ จะช่วยส่งเสริมดวงชาตากิจการให้เจริญก้าวหน้า ร่ำรวย ประสบความสำเร็จได้โดยง่าย ตัวอย่างเช่น

  • แบรนด์ Dior เมื่อถอดค่าทางเลขศาสตร์ จะได้เลข 14 ซึ่งเป็นเลขที่ดีมาก อิทธิพลของเลขนี้ ส่งผลให้ธุรกิจมีความรุ่งโรจน์อย่างมั่นคงและเจริญรุ่งเรือง มีชื่อเสียงโด่งดัง สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ทั้งยังมีคนที่ชื่นชอบ ติดต่อสื่อสารระหว่างธุรกิจได้อย่างราบรื่น มีคู่ค้าคู่วางแผนที่ดีที่ทำให้ประสบความสำเร็จ

จะเห็นได้ว่าแบรนด์สินค้าชั้นนำก็ไม่ละเลยที่จะใช้ชื่อแบรนด์มงคลเช่นเดียวกันค่ะ

ในการเลือกเลขศาสตร์ ที่ใช้ตั้งชื่อบริษัทเพื่อเสริมดวงกิจการให้เฮงและปังนั้น จะต้องพิจารณาด้วยว่าธุรกิจของท่านนั้นเป็นธุรกิจประเภทใด ควรเสริมดวงกิจการด้านใด เพื่อให้สามารถเลือกกลุ่มเลขศาสตร์ที่ดีที่สุดในการตั้งชื่อบริษัท 

4. ตั้งชื่อแบรนด์ที่มีความหมายที่ดี

การตั้งชื่อแบรนด์ให้มีความหมายที่ดี หรือมีความหมายเชิงบวก จะสามารถแสดงจุดยืน ทั้งยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ที่ดีต่อลูกค้า จนสามารถดึงดูดให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้า และตัดสินใจซื้อในที่สุด ตัวอย่างชื่อแบรนด์ที่มีความหมายดี เช่น

  • เพลินโอชะ (Phloen ocha) เป็นการนำคำที่มีความหมายที่ดีมาเรียงต่อกันให้เป็นชื่อแบรนด์ โดยคำว่า เพลิน แปลว่า การปล่อยอารมณ์ไปกับสิ่งที่ชอบจนลืมนึกถึงเรื่องอื่น และ โอชะ ที่แปลว่า อร่อย ถูกปาก น่าลิ้มลอง ทำให้ชื่อนี้รวมกันแล้วเป็นชื่อที่มีความหมายดี นั่นก็คือ รสชาติอร่อยจนลืมเรื่องอื่นไปเลย
  • Boliva โดยได้มีการนำชื่อเจ้าของแบรนด์ คุณโบว์ (Bow) มารวมกับคำว่า live ที่แปลว่า ชีวิต โดยแปลงข้อความออกมาเป็น Boliva เพื่อให้มีความไพเราะขึ้น

5. ตั้งชื่อให้โดดเด่น สะดุดหู ไม่เจาะจงสินค้าและบริการ

การตั้งชื่อแบรนด์ให้โดดเด่น เป็นคำที่สะดุดหู ฟังแล้วรู้สึกกระแทกใจ จะช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังควรตั้งชื่อไม่เฉพาะเจาะจงสินค้าจนเกินไป เพื่อต่อยอดในการขายสินค้าและบริการประเภทอื่น ๆ ได้ในอนาคต เมื่ออยากเพิ่มชนิดสินค้าและบริการให้หลากหลายหรือขยับขยายธุรกิจขึ้นมา จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนชื่อแบรนด์ใหม่ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าไม่สับสนในตัวของแบรนด์ ทั้งยังสามารถรับรู้ถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น

  • เราอยากขายไอศกรีม จึงตั้งชื่อแบรนด์ว่า Luv Ice Cream แต่ในภายหลังเราอยากเพิ่มสินค้าที่เกี่ยวกับของหวานชนิดอื่นด้วย แต่ชื่อแบรนด์ที่ตั้งไม่ครอบคลุมกับสินค้าที่เราขาย ลูกค้าอาจจะไม่ทราบได้ว่าเราขายของหวานชนิดอื่น ถ้าเปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น Luv Sweets ชื่อแบรนด์นี้จะครอบคลุมกับขนมและของหวานทุกประเภท โดยไม่ต้องเปลี่ยนชื่อแบรนด์ใหม่

6. ตั้งชื่อแบรนด์ให้แตกต่าง ไม่เหมือนใคร

การใช้ชื่อแบรนด์ที่แตกต่าง จะทำให้แบรนด์สินค้าของเราโดดเด่น ชื่อแบรนด์ที่เหมือนกันหรือคล้ายกัน ทั้งในด้านการเขียนและออกเสียงนั้น จะทำให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจผิด และลังเลในการซื้อสินค้าและใช้บริการได้ เพราะนอกจากสร้างความสับสนแล้ว อาจทำให้มีปัญหาในเรื่องของลิขสิทธิ์ที่ตามมาในภายหลัง และส่งผลถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ เหมือนกรณีตัวอย่าง ดังนี้

  • แบรนด์กาแฟชื่อดังอย่าง Starbucks coffee ที่ฟ้องร้องร้านกาแฟรถเข็น Starbung coffee ที่ลักษณะโดยรวมของโลโก้ร้านนั้น คล้ายกับโลโก้ของ Starbucks coffee ซึ่งถือเป็นการเลียนแบบเครื่องหมายการค้า ซึ่งผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 ม.109, 110

ดังนั้นในการตั้งชื่อแบรนด์ ควรมีการหาข้อมูลให้ถี่ถ้วนว่าชื่อแบรนด์นี้มีใครใช้แล้วหรือยัง รวมไปถึงต้องไม่ใกล้เคียงกับแบรนด์อื่นอีกด้วย

7. ไม่ควรใช้ชื่อสถานที่มาตั้งชื่อแบรนด์

การตั้งชื่อแบรนด์ตามสถานที่ตั้งนั้น อาจเป็นข้อจำกัดในอนาคตเมื่อเจ้าของธุรกิจคิดจะขยายสาขาเพิ่มเติมไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทำให้การใช้ชื่อแบรนด์ตามที่ตั้งทำเลนั้นเป็นปัญหาในอนาคต เพราะลูกค้าอาจจะสับสนได้ว่า สถานที่ตั้งอยู่ที่ใดกันแน่ ยกตัวอย่างเช่น

  • แบรนด์น้ำดื่ม ภูเก็ต เฟรช
  • แบรนด์ขนม นิมมานสแน็ค

8. ไม่ควรใช้ชื่อเจ้าของธุรกิจมาตั้งชื่อบริษัท

อีกข้อแนะนำที่ไม่ควรนำมาใช้ในการตั้งชื่อแบรนด์ คือชื่อเจ้าของธุรกิจ เนื่องจากการนำชื่อบุคคลมาตั้งแบรนด์นั้น อาจจะเกิดปัญหาในการจดจำของลูกค้า อีกทั้งในบางแบรนด์ อาจจะมีหุ้นส่วนร่วมด้วย ถ้านำชื่อคนใดคนหนึ่งมาตั้งชื่อแบรนด์ อาจเกิดความขัดแย้งได้ รวมไปถึงการใช้ชื่อบุคคล ยังเป็นชื่อที่ไม่สร้างความดึงดูดใจต่อลูกค้าอีกด้วย เช่น

  • แบรนด์ สมปอง แคนดี้
  • แบรนด์ ชนิภรณ์ ซีฟู้ด

9. ตั้งชื่อแบรนด์ที่ง่ายต่อการทำโลโก้

โลโก้แบรนด์ที่ดูดีนั้น ส่วนหนึ่งมาจากชื่อแบรนด์ที่ดี ซึ่งควรตั้งชื่อให้สะดุดตา มีความยาวพอดี สามารถดึงดูดให้ลูกค้ามาสนใจได้ เนื่องจากโลโก้นั้น ทำหน้าที่เป็นหน้าตาส่วนแรก เช่นเดียวกับชื่อแบรนด์ และควรมีการออกแบบที่เข้ากับชื่อแบรนด์เช่นกัน ดังนั้น ในการตั้งชื่อจึงควรคำนึงถึงการออกแบบโลโก้ว่าสามารถออกแบบได้ง่ายหรือไม่ โดยโลโก้นั้นมักจะอยู่ในส่วนสำคัญต่าง ๆ ของแบรนด์ ยกตัวอย่างเช่น

  • ฉลากสินค้า / บรรจุภัณฑ์
  • หน้าปกเพจ / โปรไฟล์เพจ
  • หน้าเว็บไซต์
  • สื่อโฆษณาสินค้า
  • รถขนส่ง
  • ฯลฯ

ตัวอย่างการออกแบบโลโก้แบรนด์ ของทาง อ.ชัญ Thelucky

สำหรับใครที่กำลังมองหาโลโก้แบรนด์สวย ๆ ไม่ซ้ำใคร สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: บริการออกแบบโลโก้ฮวงจุ้ย

10. อย่าลืม ! ดูฤกษ์เปิดตัวแบรนด์สินค้า

การจะสร้างแบรนด์ขึ้นมา แล้วสามารถขายสินค้าให้ราบรื่นไปได้ด้วยดีนั้น นอกจากชื่อ และโลโก้แบรนด์ที่ดีแล้ว สิ่งสำคัญที่หลาย ๆ คนมักจะมองข้าม นั่นก็คือการดูฤกษ์เปิดตัวแบรนด์สินค้า เปรียบเสมือนการปูทางให้เรื่องดี ๆ เข้ามาได้ง่ายขึ้น กิจการราบรื่น ไม่ติดขัด โดยฤกษ์เปิดตัวแบรนด์ เป็นการดูฤกษ์มงคล ฤกษ์งามยามดี วันที่ดีวันที่เหมาะสม และเป็นวันที่เจ้าของกิจการสะดวก 

✦ ถ้าใครยังไม่มีไอเดียในการตั้งชื่อแบรนด์ สามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับการตั้งชื่อแบรนด์สินค้ากับทาง อ.ชัญ ได้ที่ Line@theluckyname โดย อ.ชัญ จะตั้งชื่อแบรนด์ผ่านการวิเคราะห์หลักเลขศาสตร์ ซึ่งจะได้ชื่อแบรนด์ที่เป็นมงคล ไม่ซ้ำใคร และเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ด้วยค่ะ